สุดยอดบทเรียนจากเด็กยากจนที่ขายเสื้อเก่า ๆ ในราคา 1200 ดอลลาร์สู่กลายเป็นเศรษฐีพันล้าน
ขายเสื้อเก่า ๆ ในราคาแบรนด์หรู หลาย ๆ คนฟังแล้วอาจจะคิดว่าเป็นเรื่องหลอกหลวง เป็นแค่เรื่องเพ้อฝัน แต่หลังจากอ่านเรื่องราวเรื่องนี้ คุณจะได้รู้ว่า สิ่งที่ดูเหมือนจะเป็นไปไม่ได้นั้น มันก็สามารถเป็นไปได้ด้วยเช่นกัน
ไม่มีใครรู้ว่าจุดเริ่มต้นที่แท้จริงของเรื่องราวนี้เกิดจากอะไร แต่มันถูกเล่าและส่งต่อกันมาหลายคนมาก ๆ ทุกคนเชื่อว่าใครที่อยากหลุดพ้นจากความจนหรือความยากลำบากควรอ่านเรื่องนี้
เรื่องราวมันเริ่มจากเด็กอายุ 13 คนนึง ครอบครัวของเขาอาศัยอยู่ในสลัมที่ทั้งเก่าและสกปรกแห่งนึงในบรู๊คลิน เขามีพี่น้องมากถึงสี่คน ในขณะที่รายได้ที่มาจากพ่อของเขานั้นแทบจะไม่สามารถจ่ายค่าครองชีพของพวกเขาได้เลย
วันหนึ่ง พ่อของเขาได้ให้เสื้อเชิ้ตเก่า ๆ ให้แก่เขาตัวนึง และถามว่า ลูกคิดว่าเสื้อตัวนี้ราคาเท่าไหร่ ?
ซักดอลลาร์นึงละมั้ง เด็กชายตอบ
ขาย 2 ดอลลาร์ได้รึเปล่า ?
พ่อของเด็กชายถามเพราะกับมองไปที่เขา
พ่อครับ ผมว่ามีแต่คนโง่เท่านั้นแหละนะที่จะซื้อเสื้อตัวนี้ เด็กชายตอบ
พ่อมองกลับไปที่เด็กชายด้วยสายตาให้กำลังใจ
ทำไมลูกไม่ลองดูล่ะ ลูกก็รู้ใช่ไหม ครอบครัวของเราลำบากมาก ถ้าขายเสื้อตัวนี้ได้ มันจะช่วยเราได้มาก ๆ เลย
เมื่อได้ยินแบบนั้นแล้ว เด็กชายก็พยักหน้าเห็นด้วย
ผมจะลองดูละกันนะ แต่ผมไม่แน่ใจว่าจะขายได้รึเปล่า
เด็กชายนำเสื้อตัวนั้นไปทำความสะอาดอย่างพิถีพิถัน เพราะในยุคนั้นยังไม่มีเครื่องซักผ้า เขาใช้แปรงขัดค่อย ๆ ทำความสะอาดเสื้อเชิ้ตตัวนี้ จากนั้นก็ตากให้แห้งบนแผ่นไม้เก่า ๆ เช้าวันต่อมาก เขาเอาเสื้อตัวนั้นไปยังสถานีรถไฟที่คนพลุกพล่านแห่งนึง
หลังจากการพยายามขายอย่างไม่หยุดมากกว่า 6 ชั่วโมง ในที่สุดเด็กชายก็ขายเสื้อตัวนี้ได้ในราคาสองดอลลาร์ เขารีบเอาเงินนั้นกลับไปที่บ้านและเอาให้พ่อของเขา
หลังจากนั้น เด็กชายจะออกไปข้างนอกเพื่อหาเสื้อเก่า ๆ ทำความสะอาด และขายมัน
วันนึง พ่อของเขาเอาเสื้อเก่ามาเพิ่มอีกหนึ่งตัว
พ่อขายเสื้อตัวนี้ในราคา 20 ดอลลาร์ได้ไหม ?
พ่อครับ มันจะเป็นไปได้ยังไงที่เสื้อเก่า ๆ จะมีมูลค่าขนาดนั้น อย่างมากก็ 2 ดอลลาร์แหละ
ทำไมไม่ลองดูอีกครั้งล่ะ มันต้องมีทางแน่นอน พ่อของเขาพูดปลุกใจ
ในที่สุด เด็กชายก็ได้ก็หาทางได้ เขาถามญาติของเขา มีใครชอบงานศิลปะ ลงสีหรือวาดรูปเก่งบ้าง เขาอยากให้ช่วยวาดนกอินทรีย์และหนูน่ารัก ๆ ซักตัวบนเสื้อของเขาให้หน่อย จากนั้นเขาก็ไปที่โณงเรียนที่มีเด็กรวย ๆ เยอะ เขายืนรอที่หน้าประตูโรงเรียนเพื่อรอให้ลูกค้ามา
หลังจากเจอลูกค้าหลายคน ลูกคนรวยที่มาพร้อมกับพ่อบ้านของเขาก็ซื้อเสื้อตัวนี้ไป เด็กคนนั้นตื่นเต้นอย่างมากกับเสื้อตัวนี้ เขาจึงให้ทิปเด็กชายถึง 5 ดอลลาร์ สุดท้ายเด็กชายก็ขายเสื้อได้ที่ราคา 25 ดอลลาร์
นี่ถือว่าเป็นเงินจำนวนที่เยอะมาก ๆ สำหรับครอบครัวของเขา เงิน 25 ดอลลาร์สามารถที่จะช่วยให้เขาอยู่รอดไปได้ทั้งเดือนเลยทีเดียว
หลังจากกลับบ้าน พ่อของเขาก็ให้เสื้ออีกตัว จากนั้นก็พูดว่า
ลูกจะขายเสื้อตัวนี้ในราคา 200 ดอลลาร์ได้ไหม เขามองไปที่เด็กชายด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเชื่อมัน แต่ในครั้งนี้ เด็กชายไม่ปฏิเสธหรือตั้งคำถามอะไรอีกแล้ว เพราะรับเสื้อตัวนั้นไว้ จากนั้นก็เริ่มคิด
สองเดือนต่อมา ในที่สุดโอกาสก็มาถึง วันนึง นักแสดงหลักของหนังดังอย่าง Charlie’s Angels มาที่เมืองของเด็กชายเพื่อโปรโมทหนัง
หลังจากที่นักแสดงพบปะกับนักข่าวเรียบร้อย เด็กชายค่อย ๆ ย่องเข้าไปหา ไปยืนข้าง ๆ นักแสดงอย่าง Farrah Fawcett จากนั้นก็ยื่นเสื้อเก่า ๆ ของเขาให้เพื่อให้ Farrah เซนต์ลายเซ็นให้ Farrah งงเล็กน้อย แต่เธอก็เต็มใจที่จะเซนต์ลงบนเสื้อตัวนั้น แน่นอน ไม่มีใครกล้าปฏิเสธสายตาของเด็กชายอันไร้เดียงสาอยู่แล้ว
หลังจากเซนต์แล้ว เด็กชายก็ถามว่า
ผมขอขายเสื้อตัวนี้ได้ไหม ?
แน่นอน มันคือเสื้อของเธอ เธอขายมันได้ถ้าเธออยากขายอ่ะนะ
เด็กชายเดินขึ้นไปบนเวทีและตะโกนดังที่สุดเท่าที่จะทำได้
นี่คือเสื้อพร้อมลายเซ็นของนักแสดงสุดสวย Farrah Fawcett ที่เธอเซนต์ด้วยมือของเธอเอง ผมขายที่ 200 ดอลลาร์เท่านั้น
หลังจากเริ่มขาย ราคาก็สูงขึ้นเรื่อย ๆ กลายเป็นการประมูล ในที่สุดเขาก็ขายเสื้อตัวนี้ได้ในราคาที่ไม่น่าเชื่อเลยจริง ๆ 1200 ดอลลาร์
เมื่อเด็กชายกลับบ้าน เขาก็เจอพ่อของเขาอยู่กับคนแปลกหน้าคนนึงที่บ้านที่เข้ามาบอกพ่อของเขาเกี่ยวกับเรื่องของเสื้อตัวนั้น
พ่อของเด็กชายกอดเขาแน่น ๆ จุ๊บเข้าไปที่หน้าผากของเขา “ในตอนแรก พ่อคิดไว้ว่า ถ้าขายไม่ได้ พ่อคงเอาไปขายเอง พ่อไม่คิดเลยว่าลูกจะเก่งขนาดนี้ ลูกเก่งมากจริง ๆ ”
ในเย็นวันนี้ ทั้งสองนั่งคุยกันอยู่นาน
พ่อของเขาถามขึ้นมาว่า
ลูกรัก หลังจากขายเสื้อสามตัวนี้ได้ ลูกได้เรียนรู้อะไรมั่งเหรอ
ผมได้รู้ว่าพ่อมอบความกล้าให้ผม เด็กชายมองไปที่พ่อของเขาอย่างจริงใจ
หลังจากที่เราช่วยกันคิดมา ผมมได้รู้ว่าไม่มีอะไรที่เป็นไปไม่ได้ ไม่ว่ามันจะยากแค่ไหน มันก็จะมีทางออกเสมอ
ฝั่งพ่อพยักหน้าเห็นด้วย แต่จากนั้นก็ส่ายหัวแล้วก็พูดว่า
ลูกพูดถูก แต่นั่นไม่ใช่เจตนาเริ่มต้นของพ่อ
พ่อแค่อยากจะบอกลูกว่า แม้แต่เสื้อเก่า ๆ ที่มีมูลค่าแค่ 1 ดอลลาร์ก็ยังมีวิธีที่จะเพิ่มมูลค่าให้มันได้ แล้วชีวิตของเราล่ะ เราจะมองโลกในแง่ร้ายไปทำไม ทำไมไม่ลองพยายามเพื่อพัฒนาชีวิตของเราเอง เห็นไหม แม้แต่เสื้อแค่ 1 ดอลลาร์ยังเพิ่มมูลค่าของมันได้เลย
ใช่แล้วล่ะ แม้แต่เสื้อเก่า ๆ ยังแพงขึ้นได้ แล้วทำไมเราไม่รักชีวิตของเราเองให้มากกว่านี้ล่ะ
ขอบคุณบทเรียนอันล้ำค่าจากพ่อของเขา หลังจากนั้น เด็กชายก็ใช้ชีวิตอย่างเต็มไปด้วยความเชื่อและความหวัง ไม่ว่าความจริงมันจะโหดร้ายเท่าไหร่ก็ตาม
20 ปีต่อมา ชื่อเสียงของเด็กชายก็ดังไปทั่วโลก แม้แต่ในซอยที่เล็กที่สุดในเมือง ผู้คนก็ยังคงพูดถึงเขา เด็กชายคนนั้นเติบโตมาเป็นเศรษฐีพันล้าน คณะกรรมการผู้บริการ และผู้ถือหุ้นสูงสุดของบริษัท Charlotte Hornets เด็กชายคนนั้นคือ Michael Jordan ตำนานบาสเก็ตบอลที่โด่งดังที่สุดในโลก และถูกโหวตเป็นนักกีฬาที่โดดเด่นและสุดยอดที่สุดในศตวรรษที่ 20 โดย ESPN แม็กกาซีนในปี 1999
แน่นอนว่าชีวิตมันไม่เพอร์เฟคและอาจจะยากลำบาก ผิดหวัง ชีวิตที่ไม่ได้รับความยุติธรรม แต่ ทุก ๆ อย่างคือบทเรียนสำคัญสำหรับชีวิตของทุกคน เพื่อให้พวกเราเห็นค่าในชีวิตของตัวเอง
